วิธีทำขนมดอกโสน

:: วิธีทำ :: อันดับแรก ... มาดูที่ดอกโสนกันก่อนเลยค่ะ .. ดอกโสนเนี่ยจะว่าไปมีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่เท่าที่พิมรู้ว่า พันธุ์ที่มีขึ้นในเมืองไทยตามริมบ่อ ริมคลอง กินได้ทุกพันธุ์เลยค่ะ .

ส่วนผสม / วัตถุดิบ ขนมดอกโสน

ส่วนผสม / วัตถุดิบ ขนมดอกโสน 1. ดอกโสน .. (ไม่พรมน้ำ ไม่เปียกน้ำ) 300 กรัม 2. แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม 3. หัวกะทิ หรือน้ำลอยดอกมะลิ สำหรับหมักแป้ง 1 ถ้วย + 2 ชต. 4. น้ำตาลปี๊บ 250 - 300 กรัม 5. น้ำลอยดอกมะลิ หรือน้ำสะอาด สำหรับผสมน้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย 5....

ประโยชน์ดอกโสน

โสนเป็นไม้พุ่ม จัดอยู่ในสกุลเดียวกับแค เป็นพืชที่ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี หาได้ง่ายตามริมแหล่งน้ำธรรมชาติ และปราศจากศัตรูพืชรบกวนจึงเป็นผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ ใบโสนเป็นใบประกอบแบบขนนก ดอกออกเป็นช่อ กลีบดอกสีเหลือง ประกอบด้วย 5 กลีบ ออกดอกมากในฤดูฝน และที่เข้าใจผิดกันคือ ดอกโสนบานตอนเย็น ไม่ได้เป็นดั่งเพลง “แม่ดอกโสนบานเช้า…”...

รู้จักกับดอกโสน

ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesbania aculeata ชื่อวงศ์ Leguminosae ชื่อตามท้องถิ่น โดยทั่วไปเรียก โสน ภาคเหนือเรียก ผักฮองแฮง ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ล้มลุก เป็นพุ่มขนาดกลาง ลำต้นสูงเปราะบางเพราะไม่มีแก่น สูงประมาณ 2–3 เมตร มีกิ่งก้านห่างๆ ใบเล็กฝอยคล้ายกับใบมะขามหรือใบกระถิน ดอกสีเหลืองคล้ายดอกแค...

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้จัดทำ
นางสาว นิศารัตน์ สิงห์เรือง
ม.6/8 เลขที่ 32
โรงเรียนธัญรัตน์

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557




ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesbania aculeata

ชื่อวงศ์ Leguminosae

 ชื่อตามท้องถิ่น โดยทั่วไปเรียก โสน ภาคเหนือเรียก ผักฮองแฮง

 ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ล้มลุก เป็นพุ่มขนาดกลาง ลำต้นสูงเปราะบางเพราะไม่มีแก่น สูงประมาณ 2–3 เมตร มีกิ่งก้านห่างๆ ใบเล็กฝอยคล้ายกับใบมะขามหรือใบกระถิน ดอกสีเหลืองคล้ายดอกแค แต่ดอกเล็กกว่า มีฝักยาว มีเมล็ดในฝักคล้ายกับถั่วเขียวแต่ฝักยาวกว่า ดอกโสนสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น นำมาชุบแป้งทอดกรอบ รับประทานกับขนมจีนน้ำพริก ดอกโสนมีรสหวานชวนรับประทานมาก

 การปลูก ต้นโสนขึ้นเองอยู่โดยทั่วไป โดยเฉพาะตามริมคูน้ำ ริมคลอง ในที่ชื้นแฉะ เป็นพืชขึ้นง่าย ไม่ต้องบำรุงรักษาก็งอกงามดี

  สรรพคุณทางยา เอาต้นโสนมาเผาไฟให้เกรียม แล้วเอามาต้มชงเอาน้ำดื่ม เป็นยาขับปัสสาวะ ดอกโสนนำมาผัดน้ำมันเล็กน้อย หรือเอามาลวกจิ้มน้ำพริกรับประทาน เป็นยาแก้ปวดมวนท้อง

  รายการอาหาร ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว แกงดอกโสน ดอกโสนผัดน้ำมันหอย ยำดอกโสน ขนมดอกโสน


โสนเป็นไม้พุ่ม จัดอยู่ในสกุลเดียวกับแค เป็นพืชที่ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี หาได้ง่ายตามริมแหล่งน้ำธรรมชาติ และปราศจากศัตรูพืชรบกวนจึงเป็นผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ ใบโสนเป็นใบประกอบแบบขนนก ดอกออกเป็นช่อ กลีบดอกสีเหลือง ประกอบด้วย 5 กลีบ ออกดอกมากในฤดูฝน และที่เข้าใจผิดกันคือ ดอกโสนบานตอนเย็น ไม่ได้เป็นดั่งเพลง “แม่ดอกโสนบานเช้า…” แต่อย่างใด
ในด้านคุณค่าสารอาหาร ดอกโสน 100 กรัมจะมีแคลเซียม 51 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 56 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 8.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 3338 หน่วยสากล วิตามินซี 24 มิลลิกรัม และมีเส้นใยอาหารมากถึง 3.9 กรัม จึงดีต่อลำไส้ สรรพคุณทางยาของดอกโสนคือช่วยสมานลำไส้ แก้ปวดมวนท้อง และถอนพิษร้อน ส่วนอื่น ๆ ของต้นโสนก็ใช้เป็นยาได้ เช่น ใบใช้ตำพอกแผลและแก้ปวดฝี ต้นมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เมล็ดใช้เป็นยาช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ และรากใช้แก้ร้อนในกระหายน้ำ
ดอกโสนกินได้ทั้งเป็นผัก เช่น ลวกจิ้มน้ำพริก ลวกราดน้ำกะทิ ทำไข่เจียว ผัดน้ำมัน ชุบแป้งทอด ทำทอดมันดอกโสน รวมถึงใส่ในแกงส้ม แกงจืด หรือยำ หรือดองเก็บไว้กินกับน้ำพริกต่าง ๆ และยังใช้ทำขนมดอกโสน โดยดอกโสนดิบจะมีรสขมปน เมื่อปรุงสุกจะมีรสหวาน
ขนมดอกโสนเป็นขนมที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันหาซิมได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าจะลองลงือทำเองวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงล้างดอกโสนให้สะอาด ตั้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาคลุกผสมแป้งข้าวเจ้า พรมน้ำเกลือเล็กน้อย จากนั้นตักใส่ในกระทงใบตอง ตั้งลังถึงจนน้ำเดือด จึงนำลงไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที เมื่อสุกจึงยกลง แล้วโรยน้ำตาล งาคั่ว และมะพร้าวทึนทึกขูด เพื่อเพิ่มความหวานมัน แค่นี้ก็ได้ชิมขนมไทยโบราณฝีมือตัวเองแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557



ส่วนผสม / วัตถุดิบ ขนมดอกโสน


1. ดอกโสน .. (ไม่พรมน้ำ ไม่เปียกน้ำ) 300 กรัม




2. แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม


3. หัวกะทิ หรือน้ำลอยดอกมะลิ สำหรับหมักแป้ง 1 ถ้วย + 2 ชต. 



4. น้ำตาลปี๊บ 250 - 300 กรัม 5. น้ำลอยดอกมะลิ หรือน้ำสะอาด สำหรับผสมน้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย 


5. เกลือป่น (ธรรมดา) 2 ชช. 6. มะพร้าวทึนทึกขูด สำหรับโรยหน้าขนม 1-2 ถ้วย (ตามชอบ)

:: วิธีทำ :: 
 อันดับแรก ... มาดูที่ดอกโสนกันก่อนเลยค่ะ .. ดอกโสนเนี่ยจะว่าไปมีหลายสายพันธุ์ด้วยกัน แต่เท่าที่พิมรู้ว่า พันธุ์ที่มีขึ้นในเมืองไทยตามริมบ่อ ริมคลอง กินได้ทุกพันธุ์เลยค่ะ .. สมัยก่อนมีขึ้นให้เต็มไปหมด ไม่เคยต้องซื้อหา แต่ปัจจุบันอาจจะหายากสักหน่อย แต่ตามตลาดสดก็มักจะมีขาย ขีดละ 10-15 บาท (ที่พารากอน ขีดละ 25 - 30 บาท)




ดอกโสน .. ตอนที่เราซื้อมาหรือเด็ดมาจากต้น เค้าจะมีก้านมาด้วย แต่เวลาเราทำขนม เราทำกับข้าว เราไม่กินก้านดอกโสนด้วยค่ะ ^^" เพราะนั้น เราต้องรูดก้าน เอาแต่ตัวดอกไว้ ส่วนก้านก็ทิ้งไปนะคะ พอเด็ดก้านเสร็จแล้ว เราก็เอาไปล้างน้ำสักครั้งนึง โดยล้างให้เบามือที่สุดนะคะ ดอกโสนจะได้ไม่ช้ำ ... เสร็จแล้วก็ใส่ตะกร้าโปร่ง ๆ ไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ



ระหว่างรอดอกโสนสะเด็ดน้ำ เราก็มาหมักแป้งกันค่ะ (หมักเพื่อให้แป้งนุ่ม ไม่กระด้าง) ..... โดยสูตรที่บ้านพิมจะใช้แต่แป้งข้าวเจ้าอย่างเดียว แต่บางสูตรอาจจะใช้แป้งมันผสมด้วยก็มีนะคะ ... ซึ่งแป้งข้าวเจ้าเนี่ย พิมจะใช้ราว ๆ 500 กรัม หรือประมาณ 1 ถุงนั่นแหละค่ะ เอาแป้งเทใส่กาละมังใบโต ๆ หน่อย




ค่อย ๆ เทหัวกะทิ หรือน้ำสำหรับหมักแป้งใส่ลงไป ... ตามข้างบน 1 ถ้วยกับอีก 2 ชต. ก็แบ่งเทสัก 4 ครั้งนะคะ .... เทแล้ว ก็เอามือเราที่ล้างสะอาดดีแล้วนี่แหละค่ะ ขยำแป้งให้กับน้ำรวมกัน ให้น้ำค่อย ๆ ซึมเข้าไปในตัวแป้ง

จนกระทั่งถึงเทน้ำหมด ขยำแป้งให้เข้ากับน้ำเรียบร้อย ก็จะได้แป้งหน้าตาประมาณนี้ ...... ก็เอาฝาหม้อใบใหญ่ ๆ หรือผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดปิดเอาไว้ (ไม่ให้ถูกลม) ประมาณ 10-15 นาทีค่ะ แล้วเมื่อ 15 นาทีผ่านไป แป้งที่เราหมักไว้ก็จะชุ่มชื้นได้ที่ เราก็นำแป้งมายีในกระชอนตาถี่ ๆ เช่น ตะแกรงร่อนแป้งทำขนมเค้ก หรือจะเป็นตะกร้าที่มีรูเล็ก ๆ หน่อยก็ได้ค่ะ ..... ยีแบบนี้นะคะ


จากนั้นก็เทดอกโสนที่สะเด็ดน้ำใส่ลงไป ... เคล้าแป้งให้เข้ากับดอกโสน...อย่างเบามือ


จากนั้นก็นำไปนึ่งในน้ำเดือดจัด ประมาณ 10-15 นาที หรือจนสุก (ขึ้นกับปริมาณ และความแรงของไอน้ำ) ... โดยตอนเอาส่วนผสมใส่ลงในซึ้ง ให้รองด้วยผ้าขาวบาง หรือใบตองฉีก ๆ ก่อนนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ขนมตกลงไปในรูซึ้ง

ระหว่างรอตัวขนมสุก เราก็มาทำส่วนผสมน้ำตาล สำหรับที่จะมูนขนมกันค่ะ ... โดยผสมน้ำตาลปี๊บ (อย่างดี) 250-300 กรัม เกลือป่น 2 ชช. กับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แล้วคนให้เข้ากัน จนน้ำตาล และเกลือละลายดี ไม่เหลือเป็นก้อน ป.ล. ปริมาณน้ำตาลที่ใช้ขึ้นกับความหวานที่ต้องการ แต่ปกติที่บ้านพิมจะใช้แค่ 250 กรัม เพราะว่าพิมชอบกินแบบหวานน้อย แล้วถ้าคนในบ้านคนไหนอยากเพิ่มความหวานอีก ก็ค่อยเติมน้ำตาลทรายเพิ่มทีหลังในจานตัวเองก็ได้ค่ะ

ก็ให้รีบตักขนมในซึ้ง ลงไปใส่ในกาละมังส่วนผสมน้ำตาลที่เราทำเอาไว้เมื่อดี้ แล้วก็ผสม ...ด้วยการใช้ทัพพี 2 อัน ผสมให้เข้ากันดีค่ะ (ผสมในลักษณะตักขึ้น แล้วปล่อยลง แล้วตักขึ้นใหม่ ไม่ใช่ผสมแบบคนวนไปวนมานะคะ)